ประกันชีวิต คือ “เงินสดลดราคา” “จ่ายครบก็ให้ จ่ายไม่ครบก็ให้”
ความเดิมเมื่อปีที่แล้ว โค้ซวิน อินชัวร์ ได้พูดถึง สิ่งที่จะทำให้คนเราตัดสินใจซื้อประกันให้เร็วขึ้นด้วย คอนเซ็ปต์ เจ็บช่วย ป่วยให้ ตายจ่าย สบายคืน ผมขอเติมให้อีกนิด "ฉุกเฉินกู้ได้"
"เจ็บช่วย" หมายถึง เวลาบาดเจ็บ ก็มีบริษัทประกันช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาล
"ป่วยให้" หมายถึง เวลาเจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บต้องมีบริษัทประกันช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาล
"ตายจ่าย" หมายถึง เวลาเสียชีวิตทุกกรณีก็มีเงินก้อนมอบให้ครอบครัวไว้ใช้จ่าย
"สบายคืน" หมายถึง หากไม่เกิดอะไรขึ้นระหว่างทางที่สัญญาประกันภัยคุ้มครองอยู่หากครบสัญญาก็ได้รับเงินก้อนไว้ใช้ยามเกษียณอายุ
"ฉุกเฉินกู้ได้ หมายถึง หากจ่ายเบี้ยประกันได้ระยะเวลาหนึ่งจะมีมูลค่าเงินสดที่มากพอให้เรากู้เงินออกมาใช้ก่อนได้ เราถูกคิดดอกเบี้ยการกู้กรมธรรม์แบบลดต้นลดดอกคล้ายการผ่อนบ้าน สรุปว่า ยังพอมีสภาพคล่อง เพราะมีกระแสเงินสดให้ดึงออกมาใช้ได้ยามฉุกเฉิน ประกันชีวิตถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเงินในการโอนย้ายความเสี่ยง ใช้เป็นแหล่งเงินทุนเวลาฉุกเฉินได้ ในบางแบบประกันที่มีมูลค่าเงินสด
ประกันชีวิต มีดีแบบ ทรีอินวัน กันเลยที่เดียว หนึ่ง ดูแลเป้าหมายชีวิตระหว่างทาง สอง ดูแลเป้าหมายปลายทาง สาม ดูแลสภาพจิตใจเราในฐานะผู้นำครอบครัว (คนหารายได้หลัก)
ที่ผมบอกว่า ประกันชีวิตคือ เงินสดลดราคา เพื่อให้ทุกท่านเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ขอยกตัวอย่างดังนี้ ถ้าเราอยากมีเงินก้อนใหญ่ไว้ให้ลูกได้เรียนหนังสือ สัก 1,000,000 บาท ให้เราหาตอนนี้มันคงไม่ได้หรือเป็นไปได้ยาก (ยากมาก) แต่ถ้าสิ่งนั้นมันคือเป้าหมายที่เราจำเป็นต้องทำเพื่อคนที่เรารัก มันเป็น Needs คือจำเป็นต้อง...ทำ เราก็สามารถใช้การประกันชีวิต ในการวางแผนเพื่อเพื่อทำให้เราบรรลุเป้าหมายนั้นได้ เพียงแต่เรามีสุขภาพดีและมีเงินบางส่วนเพียงพอที่จะจ่ายให้แก่บริษัทประกันชีวิต โดยไม่ต้องจ่ายก้อนใหญ่เพียงทยอยๆจ่าย กับแบบประกันแบบตลอดชีพ เช่น จ่ายเบี้ย 20 ปี คุ้มครองตลอดชีพหรือ 90 ปี จ่ายเบี้ยประมาณ 20,000-30,000 บาท ต่อปี/ต่อทุนประกัน 1,000,000 บาท (ขึ้นอยู่ที่อายุและ แบบประกันที่เลือก) เป็นต้น ระหว่างทางการดำเนินชีวิต หากเกิดเหตุไม่คาดฝันเสียชีวิตก่อนวัยอันควรครอบครัวก็จะได้รับทุนประกันที่มีจำนวนเงินมากกว่าเบี้ยประกัน คือ 1,000,000 บาท แต่ถ้าโชคดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลูก ๆ ก็เรียนดี มีได้รับทุนการศึกษา เงินจำนวนนี้ก็ไม่ได้หายไปไหน ก็จะกลับกลายเป็นเงินก้อนไว้ให้ตนเองได้ใช้ตอนเกษียณอายุ นั้นเอง จึงเป็น คอนเซ็ปต์ ประกันชีวิต คือ "เงินสดลดราคา" "จ่ายครบก็ให้ จ่ายไม่ครบก็ให้"
"จ่ายครบก็ให้" หมายความว่าอยู่ครบสัญญา เช่น อายุ 80 ปี 90 ปี 99 ปี ( แล้วแต่แบบ) ก็ได้เงินครบสัญญาตามทุนประกัน เช่นทำทุนไว้ 1,000,000 บาท บริษัทก็จ่ายให้ 1,000,000 บาท
"จ่ายไม่ครบก็ให้" หมายความว่า หากส่งเบี้ยมาแค่ 1 ปี สมมุติ ว่า ส่งเบี้ยแค่ 20,000 บาท แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น บริษัทผู้รับประกันก็จะจ่ายเงินสดลดค่า จำนวน 1,000,000 บาท นั้นไปจ่ายให้ทายาท หรือ ผู้รับประโยชน์ เพื่อเป็นทุนทรัพย์นำไปใช้ตามเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ร่วมกันของครอบครัวได้เลย
ถ้าเอาประกันไปเปรียบกับเครื่องมือการเงินเพื่อการลงทุน เช่น เงินฝาก ตราสารหนี้ พันธบัตรหุ้น ทองคำ และตราสารการเงินอื่น ๆ รวมถึง Cryptocurrency หรือ Digital Asset ถามว่าเครื่องมือการลงทุนเหล่านี้ ดีไหม โค้ซวินอินชัวร์ ตอบเลยว่าดีมาก แต่ก็ต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า การลงทุนเหล่านี้จะไม่มีความคุ้มครองด้านทุนประกันชีวิต เงินฝาก หุ้น พันธบัตร จะมีผลตอบแทนที่เพิ่มมูลค่าความมั่งคั่งอาทิ ดอกเบี้ย Capital gain (ส่วนต่างราคา) และเงินปันผล การลงทุนแบบนี้มีโอกาสสร้างกำไรส่วนต่างและแน่นอนมีโอกาสสร้างกำไร ก็ย่อมมีโอกาสขาดทุน ทั้งจาก ค่าเงินเฟ้อ และ มูลค่าราคาที่ลดลง และที่สำคัญคุณต้องมีความรู้มากด้วยนะจึงจะลงทุนได้ดี
ดังนั้น การใช้เครื่องมือทางการเงินในรูปแบบประกัน จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่จะทำทุกคนทุกฐานะไม่ว่าจะยากดีมีจน ก็สามารถเข้าถึงการวางแผนทางการเงินในรูปแบบของประกันชีวิตให้เหมาะกับรายได้และเป้าหมายของตนเอง ประกันชีวิต คือ "เงินสดลดราคา" "จ่ายครบก็ให้ จ่ายไม่ครบก็ให้" แต่ไม่ใช่ 'การลงทุน' ดังนั้นอย่าเปรียบเทียบที่ผลตอบแทนอย่างเดียว แต่ที่แน่ ๆ ประกันจะทำให้ เงินต้นคุณไม่หายรับประกันว่าเป้า หมายคุณถึงแน่นอน
อย่าลืมติดตาม โค้ซวินอินชัวร์ ในครั้งหน้านะครับดูซิว่าจะมีอะไรมาฝากทุกท่านกัน หรือ จะคอมเมนต์มาว่า อยากจะรู้เรื่องอะไรก็จะดีมากเลยนะครับ