หากพูดถึงปัญหาสุขภาพของคนวัยทํางานที่มักพบเจอบ่อยในปัจจุบัน คงหนีไม่ พ้นโรคออฟฟิศซินโดรม โรคกรดไหลย้อน และปัญหาสุขภาพทางจิตใจอย่างภาวะหมด ไฟในการทํางานหรือที่เรียกว่า "ภาวะ burn out" นั่นเอง
แต่จะรู้ได้อย่างไร ? ว่าอาการที่เราเป็นคือการ Burn out หรือเราแค่ขี้เกียจทํางานกันแน่!
ก่อนอื่นมาทําความรู้จัก ภาวะ Burn out หรือ ภาวะหมดไฟในการทํางาน เป็น ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์และจิตใจที่ต้องเผชิญกับความเครียดสะสมมาเป็นเวลา นานๆ มักเกิดกับผู้ที่ทํางานหนักหรือรับภาระหน้าที่มากเกินไป มีความกดดันสูง มีความ คาดหวังสูง และขาดการสนับสนุนจากผู้อื่น ผลกระทบคือ ทําให้สมาธิสั้นลง หมด แพชชั่นในการทํางาน รู้สึกอ่อนเพลียเหนื่อยล้า เบื่อหน่ายง่าย ขาดแรงจูงใจในการงาน มีความรู้สึกแค่ทํางานให้ผ่านไปวันๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากจะส่งผลกระทบต่อ ประสิทธิภาพการทํางานส่วนตัวแล้วยังรวมถึงองค์กรด้วย โดยภาวะดังกล่าวสามารถ แบ่งอาการได้ 3 ด้าน ดังนี้
สรุปในทางการแพทย์ ภาวะ burn out มักมีผลกระทบทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ส่วน ความขี้เกียจ มักส่งผลต่อแค่ความตั้งใจที่จะทําอะไรสักอย่าง แต่ยังหาจุดเริ่มต้น ในการทําสิ่งนั้นไม่ได้เท่านั้น เช่น การเริ่มออกกําลังกาย การเริ่มเก็บเงิน หรือการทําสิ่ง ต่างๆ ในชีวิตประจําวัน
5 วิธีป้องกัน ภาวะ Burn out
1. ปรับการใช้ชีวิต เช่น ออกกําลังกายสม่ําเสมอ เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ
2. ฝึกการมีสติรู้ตัว
3. ประเมินและสังเกตความคิด อารมณ์ พฤติกรรมตนเองสม่ําเสมอ
4. จัดการเวลาทํางานของตนเอง ให้มีเวลาทํางานและเวลาพักผ่อนที่ชัดเจน
5. มองหาคนที่จะพูดคุยเรื่องไม่สบายใจได้ หรือกลุ่มคนที่คอยเป็นกําลังใจ